Surface Roughness Tester
Surface Roughness Tester
ความขรุขระหรือความหยาบของพื้นผิว (Surface Roughness) คือคุณสมบัติหนึ่งของพื้นผิววัสดุที่ไม่ขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุแต่ขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิต ถ้าวัสดุมีความขรุขระมากพื้นผิวจะไม่เรียบและหากมีความขรุขระน้อยพื้นผิวก็จะเรียบ
สัญลักษณ์แสดงค่าความขรุขระของพื้นผิว |
แม้การควบคุมความขรุขระจะทำได้ยากและมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสูง แต่งานบางประเภทก็จำเป็นต้องมีการควบคุมความขรุขระของพื้นผิว เช่น ชิ้นงานที่ไม่ต้องการให้ผิวมีความมันเงามากเกินไปเพื่อไม่ให้สะท้อนแสงแสบตา หรือชิ้นงานที่ไม่ต้องการให้ผิวเรียบมากเกินไปเพื่อไม่ให้ลื่นเวลาหยิบจับ เป็นต้น
|
ความขรุขระเป็นสมบัติทางโลหะวิทยาอย่างหนึ่ง ซึ่งใช้พิจารณาผลกระทบของสภาพแวดล้อมที่เกิดกับพื้นผิวโลหะ โดยทั่วไปแล้วผิวโลหะที่มีความขรุขระสูงจะเกิดการเสื่อมสภาพง่ายกว่าโลหะที่เรียบ ค่าความขรุขระจึงถูกนำมาใช้ในการประเมิณสภาพเครื่องจักรหรือโครงสร้างได้ นอกจากนั้นยังสามารถใช้ตรวจสอบการเสื่อมสภาพของโมลขึ้นรูปได้ด้วย
เครื่องวัดความขรุขระประกอบด้วยหัววัด (Stylus) ซึ่งจะทำการวัดด้วยการเคลื่อนที่ไป-กลับ แล้วอ่านค่าความขรุขระของพื้นผิวออกมาเป็นตัวเลขอีกทีหนึ่ง
การวัดค่าความขรุขระหรือความหยาบแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
1.การวัดความขรุขระโดยเฉลี่ย (Average Parameter) คือการวัดค่าความขรุขระออกมาเป็นค่าเฉลี่ย ซึ่งจะทำให้ทราบถึงระดับความขรุขระโดยรวม แต่จะไม่ทราบลักษณะความคลาดเคลื่อน ความสูงต่ำของความขรุขระ ค่าประเภทนี้ได้แก่ Ra Rq และ Rsk
|
ค่า Ra เป็นค่าความขรุขระที่นิยมใช้กันมากที่สุด และหลายมาตรฐานมักใช้ค่านี้ในการกำหนดมาตรฐานความหยาบของผิว คำนวณโดยหาพื้นที่ของเส้นกราฟทั้งฝั่งบวกและฝั่งลบ แล้วนำมาหาค่าเฉลี่ย มีหน่วยเป็นไมโครเมตร |
2.การวัดความขรุขระผิวโดยขนาด (Amplitude Parameter) คืออาศัยการหาค่าสูงต่ำของขนาดความขรุขระของพื้นผิว ซึ่งจะทำให้เรารู้รูปลักษณ์ของความขรุขระได้ชัดเจนกว่า วิธีการกลุ่มนี้ได้แก่ Rp Rt Rv และ Rz
ค่า Rp คือขนาดของยอดที่สูงที่สุดใน 1 sample มีประโยชน์ในกรณีที่เราต้องการขัดผิวชิ้นงาน ทำให้ทราบว่าเราต้องขัดออกอีกกี่ไมครอนเพื่อให้ได้ค่าความขรุขระพื้นผิวที่ต้องการ |
|
Product Recommend
Digicon Model : TR-220
|
Digicon Model : TR-130
|