การเลือกซื้อเครื่องวัดลม
การเลือกซื้อเครื่องวัดลม
ความเร็วลม คือ มวลอากาศที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วหนึ่งหน่วยเวลา เช่น กิโลเมตรต่อชั่วโมง (km/h), เมตรต่อวินาที (m/s), ฟุตต่อนาที (ft/min) หรือหน่วยอื่นๆในทิศทางแนวนอน และเครื่องวัดความเร็วลม (Anemometer) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้วัดมวลอากาศนั้น เครื่องวัดความเร็วลมถูกนำมาใช้วัดความเร็วของลมเพื่ออธิบายสภาพอากาศทางอุตุนิยมวิทยา มีการใช้เพื่อวัดและคำนวณในการออกแบบระบบต่างๆ เช่น ระบบระบายอากาศ ระบบปรับอากาศ ระบบทดสอบการบิน เป็นต้น
โดยทั่วไป เครื่องวัดความเร็วลมประกอบด้วย 2 ส่วนแยกออกจากกันคือ โพร๊บและตัวเครื่อง โดยตัวโพร๊บจะทำหน้าที่เป็น Sensor วัดความเร็วลมและส่งสัญญาณไฟฟ้าไปที่ตัวเครื่องเพื่อประมวลผลเป็นค่าความเร็วลมแสดงบนหน้าจอ แต่ก็จะมีบางรุ่นที่โพร๊บและเครื่องติดกัน แยกกันไม่ได้
เครื่องวัดความเร็วลมโพร๊บกับตัวเครื่องแยกกัน
เครื่องวัดความเร็วลมโพร๊บกับตัวเครื่องติดกัน
ประเภทของเครื่องวัดความเร็วลมและการเลือกใช้งาน
เครื่องวัดความเร็วลมแบบถ้วย (Cup Anemometer)
เป็นเครื่องวัดลมแบบแรกๆที่เกิดขึ้นบนโลก มีลักษณะเป็นเสาที่มีแขน 3 หรือ 4 แขน และมีถ้วยกลมครึ่งซีกติดอยู่ที่ปลายแขน เมื่อลมพัดจะทำให้แขนทั้งหมดหมุนรอบเสา ไม่ว่าลมจะพัดมาจากทิศทางไหนก็สามารถทำให้เสานี้หมุนได้ จึงเหมาะกับการวัดความเร็วลมของลมที่ไม่ทราบทิศทางอย่างลมธรรมชาติ แต่เนื่องจากเครื่องวัคดวามเร็วลมแบบถ้วยจะมีแรงเสียดทานสูง ทำให้มีความแม่นยำน้อยกว่าเครื่องวัดลมประเภทอื่นๆ
เครื่องวัดความเร็วลมแบบใบพัด (Vane Anemometer)
เป็นเครื่องวัดความเร็วลมที่ถูกพัฒนามาจากเครื่องวัดความเร็วลมแบบถ้วย มีลักษณะเป็นใบพัดหมุนไปตามทิศทางของลม การใช้เครื่องมือชนิดนี้จำเป็นต้องหันใบพัดเข้าหาลมจึงจะวัดได้ถูกต้องแม่นยำ เครื่องวัดความเร็วลมแบบใบพัดถูกออกแบบให้มีความเสียดทานต่ำ และทั่วไปมักติด Thermistor สำหรับวัดอุณหภูมิไว้ด้วย ทำให้เครื่องวัดความเร็วลมแบบใบพัดได้รับความนิยม โดยสามารถใช้ได้กับงานได้แทบทุกประเภท ทั้งลมธรรมชาติ ลมในระบบปรับอากาศต่างๆ โดยความสามารถในการวัดความเร็วลม จะขึ้นอยู่กับขนาดและวัสดุที่ใช้ทำใบพัด เครื่องวัดความเร็วลมแบบใบพัดแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆตามลักษณะของใบพัด ได้แก่
แบบใบพัดพลาสติก ใบพัดทำจากพลาสติกØ72 มม. วัดความเร็มลมได้ถึง 25 m/s |
แบบใบพัดเหล็กใบพัดทำจากโลหะØ72 มม. วัดความเร็มลมได้ถึง 35 m/s |
แบบใบพัดเล็กใบพัดทำจากโลหะØ35 มม. วัดความเร็มลมได้ถึง 20 m/s |
เครื่องวัดความเร็วลมแบบลวดนำความร้อน (Hot wire Anemometer)
ใช้หลักการนำความร้อนโดยตัวเครื่องจะจ่ายกระแสให้ลวดเส้นเล็กๆเพื่อควบคุมให้มีอุณหภูมิสูงกว่าอากาศโดยรอบและคงที่ เมื่อมีลมมากระทบจะเกิดการนำความร้อนจนอุณหภูมิของลวดลดลง ตัวเครื่องก็จะเพิ่มการป้อนกระแสเพื่อควบคุมให้ลวดนั้นกลับมามีอุณหภูมิสูงดังเดิม ซึ่งสัดส่วนของกระแสดังกล่าวจะแปรผันตรงกับความเร็วของลม
เครื่องวัดความเร็วลมแบบลวดนำความร้อนจะมีความเปราะบางกว่าแบบอื่นแต่ก็ให้ความแม่นยำมากกว่าแบบอื่นเช่นกัน เครื่องวัดความเร็วลมแบบลวดนำความร้อนเหมาะกับงานที่ความเร็วลมต่ำ แต่ต้องเป็นลมสะอาด และมีอุณหภูมิไม่สูงมาก โดยทั่วไปไม่เกิน 50º C เช่น ลมในท่อระบบปรับอากาศ เป็นต้น
เครื่องวัดความเร็วลมแบบ Pitot Tube (Pitot Tube Anemometer)
เครื่องวัดความเร็วลมแบบ Pitot Tube (อ่านว่า พิโทท์ ทิวป์) มีลักษณะของโพร๊บเป็นท่อทรงกระบอกโดยต้องต่อกับเครื่องมาโนมิเตอร์หรือเครื่องวัดความดันแตกต่าง วิธีการวัดคือหันปากท่อเข้าหาลม อีกด้านหนึ่งต่อเข้ากับเครื่องวัคดวามดันแตกต่าง เมื่อมีลมเข้าไปในท่อจะเกิดความดันขึ้น 2 ชนิดคือ Total pressure และ Static pressure เมื่อนำมาหักลบกันจะได้ Dynamic pressure ตัวเครื่องจะนำมาคำนวณเป็นความเร็วลมอีกที เครื่องวัดความเร็วลมประเภทนี้มีความทนทานมาก จึงนิยมใช้กับงานอุตสาหกรรม การบิน หรือวัดลมที่มีความแรงมากๆ ลมร้อนหรือลมเย็นมาก
สรุปการเลือกใช้เครื่องวัดความเร็วลมแบบต่างๆ
ประเภท | ข้อดี | ข้อควรระวัง | การนำไปใช้ | สินค้าแนะนำ |
แบบถ้วย | วัดได้ทุกทิศทุกทาง | ความเสียดทานสูง | วัดลมธรรมชาติ/ ลมที่ไม่ทราบทิศทาง | DIGICON DA-52SD |
แบบใบพัด | ใช้งานได้หลากหลาย | ต้องเลือกใบพัดให้สอดคล้องกับความเร็วลม | ใช้งานได้แทบทุกประเภท | DIGICON DA-46SD |
แบบใบพัดเล็ก | สามารถยืดโพร๊บไปวัดที่สูงๆได้ | ไม่ควรใช้กับลมแรงๆ หรือมีลมสกปรก | งานท่อ ระบบปรับอากาศงานทั่วๆไป | DIGICON DA-48SD |
แบบลวดนำความร้อน | ความแม่นยำสูงวัดได้แม้ลมต่ำๆ | ต้องเป็นลมสะอาด และอุณหภูมิไม่สูง | งานท่อ ระบบปรับอากาศ | DIGICON DA-49SD |
แบบท่อ Pitot Tube | ทนทานสูง | ฝุ่นละอองและความชื้น อาจทำให้ท่ออุดตันได้ | วัดลมที่มีความแรงมากๆ ลมร้อนหรือลมเย็นมาก | DIGICON DAM-52SD |