ติดตั้ง Heater อย่างถูกวิธีก็ใช้งานได้นานจนลืม
ติดตั้ง Heater อย่างถูกวิธีก็ใช้งานได้นานจนลืม
การติดตั้งฮีตเตอร์ (Heater Installation)
การติดตั้งฮีตเตอร์แต่ละแบบมีความแตกต่างกันหากเราติดตั้งไม่ถูกวิธีจะมีผลทำให้ฮีตเตอร์มีอายุการใช้งานที่สั้นนั่นเอง อีกทั้งฮีตเตอร์มีในแต่ละแบบก็มีการถ่ายเทความร้อนที่แตกต่างกัน ดังนั้น การติดตั้งฮีตเตอร์ก็ขึ้นอยู่กับการถ่ายเทความร้อนด้วย เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจเราลองมาดูเกี่ยวกับการติดตั้งฮีตเตอร์ตามลักษณะการถ่ายเทความร้อนกันเลย
ฮีตเตอร์ที่มีลักษณะการท่ายเทความร้อนเป็นแบบการนำความร้อน ได้แก่
-
ฮีตเตอร์คาร์ทริดจ์
-
ฮีตเตอร์รัดท่อ
-
ฮีตเตอร์แผ่น
-
ฮอตรันเนอร์
การถ่ายเทความร้อนแบบการนำความร้อนเป็นการถ่ายเทแบบไม่อาศัยตัวกลางในการถ่ายเทความร้อน ดังนั้นการติดตั้งฮีตเตอร์กับชิ้นงานจึงต้องแนบสนิทและ ชิ้นงานส่วนใหญ่จะเป็นโลหะ
การติดตั้งฮีตเตอร์คาร์ทริดจ์ที่ถูกต้องตามทฤษฎี คือ รูที่เจาะใส่คาร์ทริดจ์ต้องมีขนาดใหญ่กว่าตัวฮีตเตอร์ไม่เกิน 0.02mm – 0.04mm แต่ในทางปฏิบัติการเจาะรูใส่ฮีตเตอร์ที่เหมาะสมและทำให้ใส่และถอดออกได้ง่าย ในกรณีที่ฮีตเตอร์มีปัญหาคือ จะต้องไม่เกิน 0.2mm เวลาใส่ ต้องดันฮีตเตอร์เข้ารูให้แน่นเพื่อที่ ฮีตเตอร์จะได้ถ่ายเทความร้อนไปยังชิ้นงานได้ดีโดยไม่ผ่านอากาศ
การติดตั้งฮีตเตอร์รัดท่อกับฮอตรันเนอร์ เมื่อใส่ฮีตเตอร์แล้วจะต้องขันตัวล็อกให้แน่นสนิท ฮีตเตอร์แผ่นก็เช่นเดียวกัน ผิวของฮีตเตอร์จะต้องแนบสนิทกับชิ้นงาน
ฮีตเตอร์ที่มีลักษณะการถ่ายเทความร้อนเป็นแบบพาความร้อน ได้แก่
-
ฮีตเตอร์ต้มน้ำ
-
ฮีตเตอร์บ๊อบบิ้น
-
ฮีตเตอร์ครีบ
-
ฮีตเตอร์เทอร์ทิวบูลาร์
-
ฮีตเตอร์แบบเซอร์คูเลชั่น
การถ่ายเทความร้อนแบบการพาความร้อนจะอาศัยตัวกลางในการถ่ายเทความร้อน เช่น อากาศหรือของเหลวฮีตเตอร์ลักษณะนี้การแลกเปลี่ยนความร้อนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
การติดตั้งฮีตเตอร์ต้มน้ำปกติจะติดตั้งในแนวนอนก้นถัง เนื่องจากต้องทำให้น้ำท่วมฮีตเตอร์ตลอดทั้งตัวเพื่อลดปัญหาฮีตเตอร์ขาดหรือท่อแตกอันเกิดจากกรณีน้ำไม่ท่วมท่อฮีตเตอร์ ทำให้ฮีตเตอร์ถ่ายเทความร้อนไปยังอากาศ แต่เนื่องจากฮีตเตอร์ต้มน้ำถูกออกแบบให้มีค่าความร้อนผิวสูงเมื่อใช้กับน้ำ แต่เมื่อไม่มีน้ำท่วมท่อฮีตเตอร์จะทำให้ท่อฮีตเตอร์ถ่ายเทความร้อนให้กับอากาศแทนแล้วเกิดการถ่ายเทความร้อนออกจากตัวเองไม่ทันก็จะทำให้ฮีตเตอร์ไหม้ได้
กรณีที่ติดตั้งด้านบนจะต้องออกแบบให้มีช่วงไม่ทำความร้อนหรือ Cool Zone ให้เหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้ฮีตเตอร์ถ่ายเทความร้อนให้กับอากาศ ก็จะช่วยลดปัญหาฮีตเตอร์ขาดได้
สำหรับฮีตเตอร์ครีบหรือฮีตเตอร์ที่ให้ความร้อนกับอากาศมีอยู่ 2 กรณี คือ กรณีที่ไม่มีลมช่วยพาความร้อนออกจากตัวฮีตเตอร์ การออกแบบหรือเลือกใช้ฮีตเตอร์ต้องเลือกใช้วัตต์ที่เหมาะสมกับอากาศ ค่าที่เหมาะสมต้องไม่เกิน 4 วัตต์ต่อตารางเซนติเมตรของผิวท่อฮีตเตอร์
กรณีที่มีการใช้ลมช่วยพาความร้อนจากตัวฮีตเตอร์ไปยังชิ้นงานต้องออกแบบให้ลมสามารถพัดหรือผ่านตัว ฮีตเตอร์ทั้งตัวก็จะช่วยให้ฮีตเตอร์มีอายุการใช้งานที่เหมาะสม
ฮีตเตอร์ที่มีลักษณะการท่ายเทความร้อนเป็นแบบแผ่รังสี ได้แก่
ฮีตเตอร์อินฟราเรด
ฮีตเตอร์อินฟราเรดมีอยู่ 2 ลักษณะคือ แบบหล่อเซรามิคและแบบแท่งเซรามิค
แบบหล่อเซรามิค ฮีตเตอร์จะมีการให้ความร้อนด้านหน้าของตัวฮีตเตอร์ ดังนั้นการติดตั้งฮีตเตอร์แบบนี้สามารถติดตั้งได้ทั้งด้านบน ด้านข้าง ด้านล่าง แต่การใช้งานบริเวณที่ติดตั้งต้องไม่มีหยดน้ำหรือชิ้นงานที่ใช้จะต้องไม่มันวาวเพราะจะทำให้คลื่นความร้อนสะท้อนที่ชิ้นงานกลับไปยังฮีตเตอร์ทำให้เกิดความเสียหายได้
แบบแท่งเซรามิค จะมี 2 แบบ คือติดตั้งได้เฉพาะแนวนอนอย่างเดียวเท่านั้น กับแบบที่สามารถติดตั้งได้ทั้งแนวตั้งแนวนอน แบบนี้การให้ความร้อนจะให้ความร้อนรอบตัวแท่งฮีตเตอร์ ดังนั้นต้องใช้ควบคู่กับโคมเพื่อบังคับคลื่นความร้อนให้ไปยังชิ้นงานที่ต้องการ ถึงแม้จะติดตั้งเอียงแค่นิดหน่อยก็ต้องเลือกฮีตเตอร์อินฟราเรดที่สามารถติดตั้งได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนเพราะด้านในฮีตเตอร์จะมีผงแม็กนีเซียมออกไซด์เพื่อทำหน้าที่ประคองขดลวดไม่ให้ช็อตกันในแต่ละขดที่อยู่ภายในท่อเซรามิค
ฮีตเตอร์ทุกประเภท การต่อสายไฟเข้าที่ขั้วฮีตเตอร์หรือขั้วน็อตจะต้องแน่น เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดความร้อนที่จุดต่อได้
การใช้งานฮีตเตอร์ทุกประเภทต้องใช้ควบคู่กับเครื่องวัดและควบคุมอุณหภูมิเสมอและมีการออกแบบกำลังไฟฟ้าที่ใช้ให้เหมาะสมกับงานนั้นๆด้วย จึงจะสามารถยืดอายุการใช้งานของฮีตเตอร์ได้