จัดเก็บและขนส่ง วัคซีนโควิด-19 ด้วยเครื่องวัดและควบคุมอุณหภูมิที่ได้มาตรฐาน
จัดเก็บและขนส่ง วัคซีนโควิด-19 ด้วยเครื่องวัดและควบคุมอุณหภูมิที่ได้มาตรฐาน
การที่วัคซีนจะคงสภาพและประสิทธิภาพอยู่ได้นั้นมีปัจจัยสำคัญอยู่ 3 ประการคือ ความร้อน ความเย็น และแสง
-
ความร้อน – วัคซีนทุกชนิดจะสูญเสียคุณภาพถ้าสัมผัสกับความร้อน แต่วัคซีนชนิดต่าง ๆ จะไวต่อความร้อนไม่เท่ากัน
ชนิดที่ไวต่อความร้อนมากที่สุด ต้องเก็บในช่องแช่แข็ง -60 °C ถึง -80 °C (วัคซีนไฟเซอร์) -
ความเย็น – วัคซีนบางชนิดมีความไวต่อความเย็นจัด ในขณะที่มีความไวต่อความร้อนจัดเช่นเดียวกัน
วัคซีนกลุ่มนี้ถ้าเกิดการแข็งตัวที่อุณหภูมิ 0 °C จะทำให้วัคซีนสูญเสียประสิทธิภาพและเสื่อมสภาพทันที -
แสง – วัคซีนบางชนิดยังไวต่อแสงด้วย ทั้งแสงจากดวงอาทิตย์และแสงจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์
แนวทางและกระบวนการปฏิบัติที่สําคัญในการจัดเก็บและขนส่ง วัคซีนโควิด-19ตามมาตรฐานสากล (องค์การอนามัยโลก) เพื่อรักษาคุณภาพของวัคซีนไว้ให้ได้ประโยชน์สูงสุด มี 5 ข้อ ดังนี้ |
1. มีระบบติดตามควบคุมอุณหภูมิการจัดเก็บพร้อมข้อมูลการแสดงผลแบบ Real time เพื่อสามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลาขณะจัดเก็บ |
|
2. มีอุปกรณ์ติดตามการจัดเก็บและขนส่งวัคซีนตามมาตรฐานเช่น เทอร์โมมิเตอร์, เครื่องควบคุมอุณหภูมิ |
|
3. จัดเก็บในคลังหรือตู้เย็นที่มีพื้นที่เพียงพอ อุณหภูมิถ่ายเทเหมาะสมโดยเฉพาะกรณีตู้เย็น ให้จัดเก็บที่ตรงกลางตู้เย็นเพื่อให้อุณหภูมิอยู่ที่ 2-8 °C (ค่าอุณหภูมิ |
|
4. ในกระบวนการบรรจุวัคซีนเพื่อขนส่งมีระบบ Conditioning ice pack หรือ gel packโดยนํา ice pack หรือ gel pack ที่แช่แข็งมาตั้งทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 15-30 นาที |
|
5. มีแผนตอบโต้ภาวะฉุกเฉินและระบบแจ้งเตือนกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินในระบบลูกโซ่ความเย็น (Cold chain breakdown) |
จะเห็นได้ว่าอุณหภูมิเป็นปัจจัยที่สําคัญอย่างยิ่งในการเก็บรักษาวัคซีนเพื่อคงไว้ซึ่งคุณภาพ ฉะนั้น การใช้เครื่องวัดและควบคุมอุณหภูมิที่มีความเที่ยงตรงและแม่นยํา จะช่วยให้วัคซีนโควิด 19 คงประสิทธิภาพสูงสุดไว้ได้ ก่อนที่จะนําไปแจกจ่ายให้กับประชาชน
ทำการสอบเทียบเครื่องวัดและควบคุมอุณหภูมิให้ได้มาตรฐานด้วย Temperature Calibrator ของ SIKA
รุ่น TP 3M 165 E2 / TP 3M 165 E2i
|